Jewel Vine Extract  สารสกัดเถาวัลย์เปรียง

   เถาวัลย์เปรียง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Derris scandens (Roxb.) Benth เป็นสมุนไพรที่แพทย์แผนไทยรู้จักกันดีและนิยมใช้ ปรากฏอยู่ในตำรายาแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในหลายคัมภีร์ พบได้ในทุกภาคของประเทศไทย โดยส่วนมากใช้เถาเป็นส่วนประกอบในตำรับยาแก้กษัย แก้เหน็บชา แก้เส้นเอ็นขอด ทำให้เส้นหย่อน แก้ปวด แก้โรคบิด แก้โรคหวัด ถ่ายอุจาระ ต่อมามีการศึกษาวิจัยและยืนยันการใช้แก้ปวดกล้ามเนื้อ มีความปลอดภัยสูงผ่านการศึกษาวิจัยจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เมื่อตรวจสอบข้อมูลการศึกษาวิจัยก็พบว่า เถาวัลย์เปรียงมีฤทธิ์ลดการอักเสบผ่านการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ COX-1 ซึ่งน่าจะเป็นทางเลือกในการใช้เป็นยาแก้ปวดเมื่อย มีงานวิชาการพบว่าเถาวัลย์เปรียงมีฤทธิ์เพิ่มภูมิคุ้มกันซึ่งอาจมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยเอดส์ ผู้ป่วยมะเร็ง หวัด ภูมิแพ้ และยังผ่านการทดลองทางคลินิกในการแก้ปวดจากเข่าเสื่อมเปรียบกับยากลุ่ม NSAIDs (ยาต้านการอักเสบแผนปัจจุบัน) แล้วพบว่าได้ผลไม่ต่างกัน และในการแก้ปวดหลังระดับเอว (low back pain) เปรียบเทียบกับยาแผนปัจจุบัน และเถาวัลย์เปรียงยังมีผลข้างเคียงน้อยกว่า

สรรพคุณของเถาวัลย์เปรียง

1. แก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ: มีงานวิจัยทางคลินิกของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อศึกษาประสิทธิผลและผลข้างเคียงของสารสกัดเถาวัลย์เปรียงในการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังส่วนล่าง จำนวน 70 ราย แล้วพบว่า ผู้ป่วยกลุ่มที่ได้รับสารสกัดเถาวัลย์เปรียง ชนิดแคปซูลขนาด 200 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 7 วัน มีอาการปวดหลังลดลงไม่ต่างจากกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับยาแก้ปวดไดโคลฟีแนค (Diclofenac)
2. บรรเทาโรคข้อเข่าเสื่อม: มีงานวิจัยทางคลินิกของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อศึกษาในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมที่ได้รับยานาโปรเซน ขนาด 250 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง นาน 4 สัปดาห์ มีประสิทธิผลในการรักษาและความปลอดภัยไม่แตกต่างจากผู้ที่รับยาสารสกัดเถาวัลย์เปรียง ขนาด 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง นาน 4 สัปดาห์
3. กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน: สารสกัดจากเถาวัลย์เปรียงมีส่วนช่วยในการช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์ของเซลล์เม็ดเลือดขาวและช่วยเพิ่มการทำงานของ NK-cell ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่มากขึ้น
4. ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ: เนื่องจากในสารสกัดจากเถาวัลย์เปรียง มีสารสกัดของ isoflavonoid เป็นองค์ประกอบ ซึ่งสารพวกนี้มีฤทธิ์ช่วยต้านการอักเสบในร่างกายได้